ภาษีรถยนต์เป็นหนึ่งในรายการภาษีที่คนเจ้าของรถยนต์ต้องชำระในประเทศไทย การชำระภาษีรถยนต์สำคัญอย่างมาก เพื่อให้คุณสามารถเลือกชำระได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย ขั้นตอนและวิธีการชำระเป็นสิ่งที่คุณควรทราบ

1. พิมพ์แบบคำขอใบจดทะเบียนและใบกำกับภาษี (พ.ด.1) โดยกรอกข้อมูลส่วนตัว, เลขป้ายทะเบียน, เจ้าของผู้ถือกรรมสิทธิ์

2. การจดทะเบียนและพิมพ์ใบจดทะเบียน: เมื่อคุณได้สมัครจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ คุณจำเป็นต้องไปกรอกแบบฟอร์มและส่งใบสมัครพร้อมกับเอกสารประกอบ 

3. การติดต่อผู้ถือกรมขนส่ง: เพื่อแจ้งให้ขนส่งทราบถึงการโอนกรรมสิทธิ์หรือการจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ คุณจำเป็นต้องติดต่อและส่งเอกสารให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องที่กรมขนส่ง

4. การชำระภาษี: คุณสามารถชำระภาษีรถยนต์ได้ที่สำนักงานกรมขนส่งหรือผ่านช่องทางอื่น เช่น ช่องทางออนไลน์ผ่านบริการธุรกรรมอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีความสะดวกและรวมเร็ว

5. การปฏิบัติตามกฎหมาย: เพื่อป้องกันค่าปรับและโทษที่ไม่จำเป็น คุณควรชำระภาษีให้ถูกต้องและทันเวลา

ในขณะเดียวกัน, รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องด้วยข้อดีหลายประการ เช่น ประหยัดพลังงาน ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจยังสงสัยว่า ภาษีรถยนต์ EV แตกต่างจากรถยนต์ทั่วไปอย่างไร

ความแตกต่างระหว่างภาษีรถ EV กับ ภาษีรถยนต์ทั่วไป

จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่า ภาษีรถ EV แตกต่างจากภาษีรถยนต์ทั่วไปในประเด็นสำคัญ 2 ประการ ได้แก่

ภาษีป้าย รถยนต์ EV จะได้รับส่วนลดภาษีป้าย 50% เมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่วไป

ภาษีสรรพสามิต รถยนต์ EV ได้รับยกเว้นภาษีสรรพสามิต 100% เมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่วไป

สรุป

ภาษีรถ EV ในปัจจุบัน มีอัตราภาษีป้ายที่ต่ำกว่ารถยนต์ทั่วไป และได้รับการยกเว้นภาษีสรรพสามิต ทำให้ผู้ซื้อ สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านภาษีได้มากกว่าผู้ซื้อรถยนต์ทั่วไป